วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Life is a journey "หากชีวิต คือการเดินทาง"


เราทุกคนล้วนเริ่มออกเดินทางตั้งแต่วันแรกที่เกิดมา วัยเด็กเป็นวัยที่เราสะสมประสบการณ์ วิ่งเล่นไปทางนั้นทีทางนี้ทีโดยไม่ต้องคิดถึงจุดหมาย จนเมื่อถึงวัยหนึ่งที่ชีวิตเดินทางมานานพอควร พอที่จะต้องตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า "จริงๆแล้ว เราจะไปที่ไหน ??”

หากไม่อยากเป็นคนหลงทิศ สับสนกับชีวิตอยู่เรื่อยไป เราต้องหาเป้าหมายให้ตัวเอง เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน เราจะรู้ว่าต้องไปทางไหน และหาวิธีว่าจะไปให้ถึงได้อย่างไร ไม่สำคัญว่าเราจะหลงทางไปกี่สิบกี่ร้อยครั้ง เพราะในทุกความผิดพลาดล้วนได้การเรียนรู้ติดมาด้วยทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราต้องรู้เสมอว่า เรากำลังจะไปที่ไหน”…

หากชีวิต คือการเดินทางไกล สัมภาระบางอย่างที่ไม่จำเป็นก็ต้องทิ้งไปบ้าง
การแบกทุกสิ่งไว้จะทำให้เราเหนื่อย และเดินได้ช้าลงอย่างไม่จำเป็น

สำหรับผู้ร่วมเดินทาง หรือผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หากพบคนที่ดี พูดคุยกันถูกคอ ก็คบกันไว้ เป็นเพื่อนเป็นกำลังใจให้กันไปในระหว่างทาง หากเจอไม่ดี ไม่ใช่ ปล่อยมือไปบ้างก็ได้...
อย่าพยายามดึงรั้งใครให้เดินไปกับเรา หากเขาไม่เต็มใจ และเราจะเหนื่อยเอง คนอื่นไม่ควรมีผลจนทำให้เราต้องหยุดเดิน หากเราไม่ลืมคำถามสำคัญข้างต้น เราก็จะไม่มีวันหลงทางไปได้ง่ายๆ อย่าประมาทกับชีวิต เมื่อชีวิตนี้เป็นของเรา เราทุกคนจึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการตัดสินใจและการกระทำของตัวเอง

เสียเวลากับการหลงทาง ยังได้บทเรียน และไม่น่าเสียดาย เท่าเสียเวลาไปกับการคร่ำครวญหาอดีตที่เดินผ่านมาแล้ว และการกังวลเกินไปกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง การกระทำเหล่านี้นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ ยังเป็นเครื่องบั่นทอนกำลังชั้นดีอีกด้วย


สุดท้าย ในการเดินทางของชีวิต ไม่ได้จะมีแต่วันที่อากาศอบอุ่นและสดใส มันอาจมีบางวันที่พายุเข้า ฝนตกกระหน่ำ นั่นเพราะความท้าทายของชีวิต ไม่ใช่การเดินยิ้มท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใสทุกวัน  หากแต่เป็นการเต้นรำกลางสายฝนแม้ในวันที่สภาพอากาศไม่เป็นใจได้อย่างมีความสุขด้วยนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น